ผมไม่เคยถูกตะขาบกัดมาก่อนในชีวิตและไม่เคยหวังที่จะถูกด้วย แต่ในเมื่อตอนนี้ความซวยเข้ามาเยือนถึงฝ่าเท้าของผมแล้ว และดูท่าว่ามันกำลังจะเริ่มคืบคลานขึ้นไปเรื่อยๆบนขาข้างที่ถูกกัด ผมกัดฟันลากขาที่กำลังเริ่มปวดหนึบๆขึ้นไปบนบ้านเพื่อที่จะหาทางรักษาตัวเอง เมื่อถึงบนพื้นบ้านและรู้สึกว่าปลอดภัยดีแล้ว ผมจึงเริ่มตรวจตราแผลของผมดู พบว่ามีอาการดังนี้
- มีรอยกัดสองรอยอยู่ตรงฝ่าเท้าของผม และตอนนี้มันกำลังเริ่มบวมเป่งและเจ็บอย่าบอกใครแล้วด้วย
- นอกเหนือไปจากอาการบวมอย่างน่าตกใจนั่นแล้ว ผมเริ่มรู้สึกวิงเวียนศรีษะนิดหน่อย หวั่นๆอยู่เหมือนกันว่าจะมีอาการแพ้ตะขาบหรือเปล่า
- ผมเคยอ่านมา เขาบอกว่าอาการที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ถูกกัดมีได้หลากหลายมาก นอกเหนือไปจากอาการ “พื้นๆ” ที่ผมมีแล้ว ผู้ที่ถูกกัดสามารถที่จะมีอาการแบบลมพิษ (แสดงว่าอาจแพ้พิษของแมลงนั้นๆ) ผื่นไปทั้งตัว หรือในบางรายที่มีอาการรุนแรง จะมีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ใจสั่น และบริเวณแผลที่ถูกกัดเน่า
- ตอนนี้แผลของผมเริ่มคันแล้ว
ศูนย์อนามัยที่ใกล้ที่สุดกับบ้านของผม ใช้เวลาเดินเท้าร่วม 20 นาทีได้ วิธีการที่ดีที่สุดที่ผมจะทำในตอนนี้ได้คือ ต้องหาทางเยียวยาแผลด้วยตัวเองก่อน ผมเริ่มคิดถึง การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐานเมื่อถูกแมลงกัดต่อย แล้วผมก็เริ่มจัดการกับตัวเองด้วยวิธีรักษาตะขาบกัด ดังนี้
- พยายามห้อยส่วนบริเวณที่ถูกกัดให้อยู่ระดับต่ำ หรือใช้สายรัดเหนือรอยแผล เพื่อกันพิษของตะขาบกระจายเข้าสู่ร่างกาย
- จัดการล้างแผลในบริเวณที่โดนกัด (ซึ่งตอนนี้กำลังเริ่มกลายเป็นสีม่วงแล้ว) ด้วยน้ำเปล่ากับสบู่ จากความรู้ขั้นพื้นฐานของผมคือไม่ควรที่จะใช้แอกอลฮอล์ โปะเข้าไปโดยตรงเพราะมันสามารถที่จะทำปฏิกริยาที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แย่กว่าเดิมได้ (นี่คือแผลแมลงกัด ไม่ใช่แผลที่เกิดจากการบาดเจ็บทั่วๆไป)
- เอาน้ำแข็งที่แช่เอาไว้ในนั้นมาห่อผ้าและโปะลงไปบนแผลของผม แล้วกดค้างเอาไว้สัก 10นาทีได้ ก่อนที่จะเอาน้ำแข็งออกอีก 10 นาที ก่อนที่จะทำซ้ำวนกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งผมรู้สึกหายปวดเรียบร้อยแล้ว
- ถึงตอนนี้แผลกัดที่เท้าของผมดู……ดีขึ้นมากกว่าเมื่อเกือบชั่วโมงที่แล้วอย่างมาก ดูม่วงนิดหน่อยแต่ความปวดเหลือเพียงแค่หนึบๆ ผมจึงตัดสินใจกินยาแก้ปวดพาราเซตามอล แล้วนอนพัก ตั้งใจไว้ว่าถ้าอาการมันไม่ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยผมก็น่าจะมีแรงพอที่จะพาตัวเองไปที่ศูนย์อนามัย เพื่อให้แพทย์ที่นั่นเขาช่วยดูอาการให้ผมแหละ
โดยทั่วไปอาการตะขาบกัดเมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแล้วจะหายได้ภายใน 1-2 วัน แต่ถ้าแพ้มากอาจใช้เวลานานกว่านี้แล้วแต่บุคคล ท้ายสุดแล้ว บทเรียนที่สำคัญที่สุด(นอกเหนือไปจากการเดินเท้าเปล่าแล้ว) คือการที่พวกเราควรจะตั้งสติเอาไว้ให้ดีเมื่อเกิดสถานการณ์ใดๆขึ้นก็ตาม