ตอบ ไข้เลือดออกที่ระบาดในไทยเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ทั้ง 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3, DENV-4 |
ตอบ โรคไข้เลือดออกพบได้ทุกกลุ่มอายุ ในประเทศไทยพบว่าร้อยละ80 ของผู้ติดเชื้อที่มีอาการ อยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 5-34 ปี |
ตอบ ไข้เลือดออกรุนแรง (severe dengue) มีอาการดังต่อไปนี้ • อาเจียนไม่หยุด • ปวดท้องรุนแรง (จากการที่มีน้ำคั่งผิดปกติ) • หายใจเร็วจากการมีน้ำคั่งในเยื่อหุ้มปอด • ความดันโลหิตต่ำ กระสับกระส่าย หรือซึมมาก • เลือดออกในอวัยวะต่างๆ รุนแรง เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด • การทำงานอวัยวะภายในร่างกายบกพร่อง เช่น ตับ ไต • มีความผิดปกติในสมอง • ช๊อก และอาจเสียชีวิตได้ |
ตอบ ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองให้ใช้ เป็นวัคซีน CYD-TDV หรือ DENGVAXIA ยังมีวัคซีนอีกหลายขนิด ที่อยู่ระหว่างการทดลองศึกษาวิจัย |
ตอบ CYD-TDV หรือ DENGVAXIA เป็นวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดแรกที่ได้รับการรับรอง โดยได้การรับรองครั้งแรกที่ประเทศเมกซิโกในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ให้ใช้ในกลุ่มคนที่มีอายุ 9-45 ปีในเขคที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก เป็นวัคซีนขนิดมีชีวิตที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ มีเชื้อไวรัสเดงกี่ที่เป็นสาเหตุของโรคทั้ง 4 สายพันธุ์ กำหนดให้ฉีด 3 ครั้ง 0-6-12 เดือน ปัจจุบันได้รับการรับรองให้ใช้ใน 13 ประเทศรวมทั้งประเทศไทย |
ตอบ ทุกคนที่อายุ 9-45 ปี และอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก และเป็นผู้ที่ไม่มีข้อห้ามใช้ ข้อห้ามใช้ที่กำหนดโดยบริษัทผู้ผลิตวัคซีนมีดังนี้ • ผู้ที่มีประวัติการแพ้รุนแรงในส่วนประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งในวัคซีน หรือมีการแพ้ในวัคซีนนี้ที่ได้รับครั้งแรก หรือแพ้วัคซีนชนิดอื่นที่มีส่วนประกอบเหมือนกัน • มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด หรือเกิดภายหลัง เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อ HIV (เอดส์) หรือได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น ยาสเตียรอยด์ในขนาดสูง หรือ เคมีบำบัด) • สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือ อยู่ระหว่างให้นมบุตร • ผู้ที่ มีไข้ระดับกลางจนถึงไข้สูง หรือกำลังเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อนจนกว่าจะหายดีแล้ว |
ตอบ ยังไม่สมควรได้รับวัคซีนนี้ เนื่องจากข้อมูลทางคลินิกที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ |
ตอบ วัคซีน DENGVAXIA มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคต่อเชื้อไวรัสทั้ง4 สายพันธุ์
• สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ 65.6 % • ลดความรุนแรงของโรค 93.2 % • ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล 80.8 % |
ตอบ เนื่องจากวัคซีนนี้เป็นชนิดตัวเป็น(live-attenuated vaccine)เหมือนวัคซีนทั่วไป จึงห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และขอแนะนำว่า สตรีที่ได้รับวัคซีนควรเว้นระยะก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน |
ตอบ วัคซีน DENGVAXIA สามารถใช้เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีจากทั้งสายพันธุ์ 1, 2, 3, และ 4 ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 9 -45 ปี ที่อยู่ในพื้นที่แพร่ระบาด ไม่ว่าจะเคยติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมาก่อนหรือไม่ก็ตาม ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ฉีดให้กับผู้ที่เคยได้รับเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมาก่อนจะสูงกว่าและสามารถช่วยป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีสายพันธุ์อื่นๆได้ด้วย |
ตอบ ฉีดได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ |
ตอบ DENGVAXIA เป็นวัคซีนที่ใช้สำหรับป้องกันโรคไข้เลือดออกเด็งกี่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี่ซีโรไทป์ 1, 2, 3 และ 4 สามารถใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 9 – 45 ปี ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค |
ตอบ ฉีดวัคซีน DENGVAXIA เข้าใต้ผิวหนัง (subcutaneous injection) ฉีดวัคซีน 3 ครั้ง ครั้งละ 0.5 มล. โดยฉีดห่างกันครั้งละ 6 เดือน เริ่มวันที่ฉีดครั้งแรกเป็นเข็มแรก เข็มที่สองจะฉีดหลังเข็มแรก 6 เดือน และเข็มที่สามจะฉีดหลังเข็มที่สอง 6 เดือน |
ตอบ อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบได้หลังการฉีดวัคซีนคล้ายวัคซีนชนิดอื่น เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว มีไข้ต่ำๆ ผิวหนังแดง ห้อเลือด บวม และ คัน โดยอาการที่พบทั้งหมดจะเป็นชนิดไม่ร้ายแรง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใน 3 วันหลังจากฉีดวัคซีน |
ตอบ ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นเต็มที่เมื่อฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม |
ตอบ จนถึงขณะนี้หลังฉีดครบ 3 เข็ม ตามหลักวิชาภูมิคุ้มกันน่าจะยังคงอยู่ได้นาน ต้องมีการติดตามกันต่อไปว่าจะสามารถคุ้มกันได้ตลอดชีวิตหรือไม่ |
ตอบ ไม่แตกต่างกัน ในเกณฑ์อายุระหว่าง 9 – 45 ปี |
ตอบ ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ สามารถบวกลบได้ 20 วัน |
ตอบ ยังไม่มีการศึกษา เพื่อความปลอดภัยควรมีระยะห่างจากวัคซีนชนิดอื่น ประมาณ 4 สัปดาห์ |
ตอบ ก่อนได้รับวัคซีนต้องไม่มีไข้ และหลังการฉีดวัคซีนเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเองด้วยเชื้อโรคที่อ่อนแรง หรือ บางส่วนของเชื้อโรคมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ เพราะฉะนั้นเมื่อรับวัคซีนแล้วอาจมีอาการข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อวัคซีนซึ่งโดยทั่วไปจะมีอาการไม่มาก และจะหายไปเอง |
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์วัคซีน โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และศรีนครินทร์ โทร.020-222-222